“บางครั้งความหวังดี อาจกลายเป็นการซ้ำเติมโดยไม่ตั้งใจ”
ประโยคนี้อธิบายได้เป็นอย่างดีถึงสถานการณ์ของผู้ที่กำลังเผชิญกับ “ภาวะข้อเข่าเสื่อม” ซึ่
งเป็นปัญหาที่พบได้มากในกลุ่มผู้สูงอายุ และเริ่มพบมากขึ้นในกลุ่มวัยกลางคนที่ใช้งานข้อเข่าหนักหรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อข้อเข่าในระยะยาว
หลายคนพยายามดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด เช่น ใส่สนับเข่า กินยาแก้ปวด หรือหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวเข่าโดยสิ้นเชิง เพื่อไม่ให้เข่าเสื่อมมากขึ้น
แต่รู้หรือไม่ว่า 3 พฤติกรรมที่พบได้บ่อยนี้ อาจยิ่งทำให้อาการแย่ลงโดยไม่รู้ตัว
บทความนี้จะมา “เปิดตา” และ “ปรับความเข้าใจ” พร้อมแนะนำแนวทางดูแลข้อเข่าอย่างถูกต้อง
เพื่อช่วยชะลออาการเสื่อม และยืดอายุการใช้งานของข้อเข่าให้นานที่สุด
❌ พฤติกรรมที่ 1: ใส่สนับเข่าทุกวันแบบไม่ถอด
หลายคนเมื่อเริ่มรู้สึกปวดเข่าหรือเดินไม่มั่นคง ก็รีบหาซื้อ “สนับเข่า” มาใส่เพื่อช่วยพยุง ซึ่งในระยะเริ่มต้นหรือช่วงที่มีอาการปวดมาก สนับเข่าสามารถช่วยลดแรงกระแทกและทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการเดิน
แต่ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อ...
“ใส่สนับเข่าทุกวัน ต่อเนื่องตลอดเวลา โดยไม่ถอดเลย”
การที่ข้อเข่ามีสิ่งพยุงอยู่ตลอดเวลา จะทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่า โดยเฉพาะกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps) และสะโพก (Hip Abductors) ไม่ต้องทำงาน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลงเรื่อย ๆ
และเมื่อกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ก็จะไม่สามารถพยุงข้อเข่าได้เหมือนเดิม
ในระยะยาว สนับเข่ากลายเป็น “ดาบสองคม” ที่ทำให้ผู้ป่วยพึ่งพิงมากเกินไป จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาการเสื่อมที่แย่ลงกว่าเดิม
✅ แนวทางที่ถูกต้อง:
- ใส่เฉพาะช่วงทำกิจกรรมหนัก เช่น เดินเยอะ ขึ้นลงบันได หรือเดินทางไกล
- ถอดออกในช่วงพัก และอย่าลืมบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าอย่างสม่ำเสมอ
❌ พฤติกรรมที่ 2: ไม่กล้าเดินหรือออกกำลังกายเลย
“กลัวว่าเข่าจะพังเพิ่ม กลัวเจ็บ เลยไม่ขอเดินเลยดีกว่า”
นี่คือความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยมาก ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมมักคิดว่าการอยู่นิ่งๆ หรือหลีกเลี่ยงการใช้เข่า จะช่วยให้เข่าฟื้นตัวเร็วขึ้น แต่แท้จริงแล้ว...
การไม่เคลื่อนไหวเลย กลับยิ่งเร่งอาการเสื่อมให้เร็วขึ้น
เมื่อเราไม่ใช้กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงลง
เมื่อเราไม่เดิน น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น และยิ่งเพิ่มแรงกดทับต่อเข่า
เมื่อเราไม่ขยับ ข้อเข่าจะเริ่มแข็ง ฝืด และเคลื่อนไหวลำบากมากขึ้น
✅ แนวทางที่ถูกต้อง:
- เดินเบาๆ 15-30 นาที/วัน เช่น เดินในบ้าน เดินรอบโต๊ะ เดินในสวนนุ่มๆ
- ปั่นจักรยานอยู่กับที่
- ว่ายน้ำ หรือเดินในน้ำอุ่น
กิจกรรมเหล่านี้ ไม่มีแรงกระแทกสูง และช่วยให้กล้ามเนื้อรอบเข่าได้ออกแรงพอดี ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และลดโอกาสเกิดข้อเข่าฝืด
❌ พฤติกรรมที่ 3: กินยาแก้ปวดเองเรื่อยๆ โดยไม่พบแพทย์
นี่คือพฤติกรรมที่อันตรายที่สุด และพบได้มากในผู้ที่มีอาการเรื้อรัง
ยาแก้ปวด เช่น ยากลุ่ม NSAIDs (ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) เป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดีในระยะสั้น แต่ หากใช้เป็นเวลานานโดยไม่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น
- ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร
- เพิ่มความดันโลหิต
- ทำลายไต
- ทำให้ขาดการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
และที่สำคัญ... ผู้ป่วยจะไม่รู้ว่าอาการเสื่อมเข้าสู่ระยะที่ต้องรักษาเฉพาะทางแล้วหรือยัง
✅ แนวทางที่ถูกต้อง:
- พบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินระดับความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อม
- ให้แพทย์พิจารณาแนวทางที่เหมาะสม เช่น กายภาพบำบัด, ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อ, ยารักษาระยะยาว ฯลฯ
✅ 3 วิธีดูแลข้อเข่าอย่างถูกต้อง
เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อเข่าเสื่อมแย่ลง ลองทำตามแนวทางเหล่านี้:
1. บริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
- ท่านั่งเหยียดขา
- ท่ายืนกางขา
- ท่ายืดหลังเข่า
- ท่าเดินย่ำเท้าอยู่กับที่
- ทำทุกวัน วันละ 10-15 นาที ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบเข่า
2. ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ
- เดินในบ้าน
- ปั่นจักรยานอากาศ
- ว่ายน้ำ หรือเดินในน้ำ
3. เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์
- หมั่นติดตามอาการทุก 3-6 เดือน
- ไม่ซื้อยาทานเองหากไม่ได้รับคำแนะนำ
- รับการรักษาเชิงป้องกันก่อนเข้าสู่ระยะเรื้อรัง
✨ สรุปอีกครั้ง: หยุด 3 พฤติกรรมนี้ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมเสี่ยงสิ่งที่ควรทำแทนใส่สนับเข่าทุกวันไม่ถอดใช้เฉพาะเวลาจำเป็น + บริหารกล้ามเนื้อไม่ออกกำลังกายเลยเดินเบาๆ วันละนิดอย่างสม่ำเสมอกินยาเองไม่พบแพทย์ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางกระดูกข้อ
❤️ ดูแลข้อเข่าตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
อาการข้อเข่าเสื่อมแม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% ในบางกรณี
แต่สามารถชะลอความเสื่อม บรรเทาอาการ และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ หากคุณดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
สุขภาพดีเริ่มได้ที่บ้าน อย่าให้พฤติกรรมที่ดูเหมือนเล็กน้อย ทำร้ายข้อเข่าคุณในระยะยาว
หากบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมแชร์ให้กับคนในครอบครัว หรือผู้สูงอายุที่คุณรัก
เพื่อให้พวกเขาได้เริ่มต้นดูแลข้อเข่าได้อย่างถูกวิธีตั้งแต่วันนี้ครับ 💙
โดย นพ.รณศักดิ์ มงคลรังสฤษฎ์
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ อนุสาขาข้อเข่าและข้อสะโพก