PRP คืออะไร ช่วยรักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริงไหม?

 03 Jun 2025  เปิดอ่าน 20 ครั้ง


ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

และหนึ่งในแนวทางการรักษาข้อเข่าเสื่อมที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นคือ

“PRP” หรือ “Platelet-Rich Plasma” ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ

แต่ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร ใช้ได้จริงไหม และเหมาะกับใครบ้าง?

หมอแต๊กจะพาคุณไปรู้จักกับ PRP อย่างละเอียด

พร้อมคำแนะนำ ว่าเทคนิคนี้ช่วยในภาวะข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร


PRP คืออะไร?

PRP ย่อมาจาก “Platelet-Rich Plasma” หรือแปลเป็นไทยว่า “พลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น” เป็นการรักษาด้วยการนำเลือดของผู้ป่วยเองมาปั่นแยกชั้น เพื่อให้ได้ส่วนของพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นกว่าปกติหลายเท่า

ในเกล็ดเลือดจะมีสารที่ชื่อว่า Growth Factor ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพ ลดการอักเสบ และกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ใหม่ PRP จึงถูกนำมาใช้ในหลากหลายด้าน เช่น การรักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬา การฟื้นฟูผิว และที่นิยมมากในปัจจุบันคือการรักษาข้อเข่าเสื่อม



PRP กับข้อเข่าเสื่อม

ภาวะข้อเข่าเสื่อมเกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนในข้อเข่า ทำให้เกิดอาการเจ็บ ปวด ฝืดตึง และเคลื่อนไหวลำบาก โดยทั่วไปการรักษาเบื้องต้นอาจใช้ยา กายภาพบำบัด หรือฉีดน้ำไขข้อเทียม

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การฉีด PRP ให้ผลในระยะยาวที่ดีกว่าในแง่ของการบรรเทาอาการปวด และอาจช่วยชะลอการเสื่อมของข้อเข่าได้ดีกว่าการใช้สเตียรอยด์หรือสารเติมเต็มข้อแบบเดิมๆ



ใครบ้างที่เหมาะกับ PRP?


  • ผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมในระดับ เล็กน้อยถึงปานกลาง ยังสามารถเดินและเคลื่อนไหวได้ดี
  • ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และกำลังมองหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
  • ผู้ที่เคยรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วอาการไม่ดีขึ้น


ข้อควรระวัง: PRP อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมระดับรุนแรง หรือมีภาวะต่อไปนี้

  • การติดเชื้อบริเวณข้อเข่า
  • เป็นโรคเลือดผิดปกติ เช่น มะเร็งเม็ดเลือด
  • กำลังมีภาวะติดเชื้อในร่างกาย
  • ใช้ยาละลายลิ่มเลือดบางประเภท (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)

ข้อดีของการรักษาด้วย PRP

  • ใช้เลือดของตัวเอง ปลอดภัย ไม่เสี่ยงแพ้
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
  • ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  • ผลอยู่ได้นานหลายเดือน และสามารถทำซ้ำได้
  • ไม่ใช้สารเคมีหรือยาแปลกปลอม

ขั้นตอนการทำ PRP

  1. เจาะเลือดจากผู้ป่วย (ประมาณ 10-30 ml)
  2. นำเลือดไปปั่นแยกเกล็ดเลือดด้วยเครื่องเฉพาะ
  3. ดึงเอาส่วนที่เป็น PRP มา
  4. ฉีดกลับเข้าสู่ข้อเข่า บริเวณที่ต้องการการฟื้นฟู

ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที และผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังการฉีด



หลังฉีด PRP ควรดูแลอย่างไร?

  • อาจมีอาการปวด บวม หรือระบมเล็กน้อยในช่วง 1-3 วัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้ข้อเข่าหนักๆ เช่น วิ่ง กระโดด หรือยกของ
  • งดกินยาแก้อักเสบบางชนิดชั่วคราว (เช่น NSAIDs) เพราะอาจรบกวนกระบวนการซ่อมแซม
  • ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

PRP ช่วยรักษาข้อเข่าเสื่อมได้จริงไหม?

จากการศึกษาทางคลินิกและประสบการณ์ของแพทย์หลายท่านพบว่า PRP สามารถช่วยให้:

  • อาการปวดข้อดีขึ้น
  • ลดการอักเสบภายในข้อ
  • เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
  • ชะลอการเสื่อมของข้อในระยะยาว

แต่ต้องเข้าใจว่า PRP ไม่ใช่การรักษาให้หายขาด และไม่สามารถงอกกระดูกอ่อนใหม่ได้ 100% ดังนั้นควรมองว่าเป็น “การฟื้นฟูและบรรเทาอาการ” มากกว่าการรักษาแบบถาวร



สรุป

PRP (Platelet-Rich Plasma) คือการนำเลือดของผู้ป่วยมาสกัดเฉพาะเกล็ดเลือดเข้มข้น เพื่อฉีดกลับเข้าร่างกายเพื่อช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อม

  • เหมาะกับข้อเข่าเสื่อมระดับต้นถึงกลาง
  • ปลอดภัย ใช้เลือดตัวเอง ไม่เสี่ยงแพ้
  • ไม่ควรทำหากมีการติดเชื้อ หรือข้อเข่าเสื่อมรุนแรง

หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังมองหาวิธีลดอาการปวดข้อเข่า โดยไม่ต้องผ่าตัด PRP อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ปลอดภัยและน่าสนใจ แต่ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนทุกครั้ง


โดย นพ.รณศักดิ์ มงคลรังสฤษฎ์

ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ อนุสาขาข้อเข่าและข้อสะโพก

ติดต่อเรา

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

เบอร์โทร

02 080 5999

ที่อยู่

35/2 หมู่ 12 ถนน บางนา-ตราด ซอย 64 บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540

เวลาทำการ

วันอังคาร 8:00 - 17:00
วันพุธ 8:00 - 13:00
วันพฤหัส 8:00 - 17:00
วันศุกร์ 8:00 - 17:00
วันเสาร์ 8:00 - 13:00

โรงพยาบาลอินทรารัตน์

เบอร์โทร

02-481-5555

ที่อยู่

555/5 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร 1023

เวลาทำการ

วันจันทร์ 8:00-16:00 น. (สัปดาห์ที่ 2 และ 4 ของเดือน)